แอดเวนเจอร์ไบค์ ,สปอร์ตไบค์ ,ครุยเซอร์ ,ดูอัลสปอร์ต ,เดิร์ทไบค์, ซุปเปอร์โมโต ฯลฯ ล้วนเป็นคำเรียกเพื่ออธิบายมอเตอร์ไซค์แต่ละประเภท ซึ่งบางครั้งก็มีความสับสนอยู่บ้าง เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันบางอย่าง โดยเฉพาะด้านการออกแบบ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดและจุดเด่นของมอเตอร์ไซค์แต่ละประเภท เพื่อให้คุณสามารถแบ่งแยกได้อย่างถูกต้อง
1.สปอร์ตไบค์(Sportbikes)
สปอร์ตไบค์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเร็วในสนามแข่ง การขับขี่ต้องอยู่ในท่าหมอบ ซึ่งสปอร์ตไบค์จะมีแฟริ่งเพื่อบังผู้ขี่จากลมที่พุ่งปะทะด้วยความเร็วสูง แฮนด์บาร์จะอยู่ต่ำ และที่วางเท้าจะอยู่สูงเพื่อให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายในการเอนตัวขณะเลี้ยว โดยทั่วไปแล้ว สปอร์ตไบค์มีทั้งแบบใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง หรือ 3 สูบเรียงเช่น Triumph หรือ 4 สูบรูปตัววี เช่น Aprillia หรือ 4 สูบรูปตัวแอลเช่น Ducati
สปอร์ตไบค์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก หนึ่งคือ "ซุปเปอร์ไบค์"ใช้เรียกรถในระดับ 1000 cc. และสอง "ซุปเปอร์สปอร์ต" ใช้เรียกรถในระดับ 600 cc. ส่วน 750 cc. ที่ยังมีอยู่เช่น Suzuki GSX-R750 อาจจะเรียกว่า "ซุปเปอร์ออซัม"(super awesome)ก็ได้
ตัวอย่าง: BMW S 1000 RR , Aprilia RSV4 , Ducati Panigale V4 , Honda CBR600RR , Yamaha YZF-R1 , Kawasaki ZX-10R , Suzuki GSX-R1000
2.เน็คเก็ตไบค์ (Naked Motorcycles)
เน็คเก็ตไบค์ หรือ สตรีทไฟเตอร์ เป็นรถที่มักจะออกมาพร้อมกับสปอร์ตไบค์ โดยใช้เครื่องยนต์เดียวกัน มีดีไซน์ที่ใกล้เคียงกัน แต่จะมีท่านั่งที่สะดวกสบายกว่า ไม่ต้องหมอบมากเท่าสปอร์ตไบค์ ไม่มีแฟริ่ง และเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
มากกว่ามุ่งทำความเร็วรอบในการแข่งขัน
ตัวอย่าง: Ducati Monster 1200 R , KTM 1290 Super Duke R ,Triumph Speed Triple R , Kawasaki Z1000
วริ่งไบค์ (Touring Motorcycles)
ทัวริ่งไบค์เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ซึ่งสามารถต้านทานลมได้ และยังมี "ปี๊บ"(luggage)บรรจุสัมภาระเพื่อการเดินทางระยะไกล ทัวริ่งไบค์ของญี่ปุ่นและยุโรปมักจะมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ทัวริ่งไบค์แบบอเมริกัน
จะชอบรถแบบเดิม ๆ มากกว่า
ตัวอย่าง : Honda Goldwing, BMW K1600 GTL, Harley-Davidson Road Glide Ultra
3. สปอร์ตทัวริ่งไบค์ (Sport Touring Motorcycles)
สปอร์ตทัวริ่งไบค์ เป็นรถที่ผสมผสานความเป็นรถสปอร์ตเข้ากับทัวริ่ง จึงเป็นรถสมรรถะสูงที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เพื่อให้สามารถเดินทางไกลได้โดยไม่ต้องใช้เวลานาน รถประเภทนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีรถรุ่นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในตลาด ซึ่งบางครั้งก็มีลักษณะเอนเอียงไปทางแอดเวนเจอร์ไบค์มากกว่า ด้วยระบบกันสะเทือน ยางสปอร์ตและรูปทรง ซึ่งสามารถใช้งานแบบ off-road ได้ด้วย
ตัวอย่าง: Kawasaki Concours 14 , Kawasaki Versys , Yamaha FJR 1300 , Yamaha Tracer 900 GT , Suzuki V-Strom 1000
4. แอดเวนเจอร์ไบค์ (Adventure Motorcycles)
แอดเวนเจอร์ไบค์ คือมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่สำหรับเดินทางไกล และเมื่อเป็น off-road (ทางดิน) ก็ขับขี่ได้ดีไม่แพ้กัน ส่วนใหญ่แล้วแอดเวนเจอร์ไบค์จะมี "จะงอยปาก"(beaks) เหมือนเป็นเอกลักษณ์ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่ามันเท่ห์ดี มันติดตั้งระบบกันสะเทือนสำหรับการเดินทางไกล และระบบป้องกันการกระแทก พร้อมทั้งกระเป๋าข้างคู่ ตำแหน่งการนั่งคือหลังตรง ทำให้สบายสำหรับการนั่งเป็นเวลานาน แฮนด์บาร์ยกสูงเล็กน้อยเพื่อให้คุณใช้งานได้ในการขับขี่ท่ายืน
ตัวอย่าง: BMW R 1250 GS Adventure , Ducati Multistrada Enduro , KTM 1290 Super Adventure , Yamaha Ténéré 700 , Honda Africa Twin
5. เดิร์ทไบค์-รถวิบาก (Dirt Bikes)
รถวิบากเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เบาะสูง ท่อไอเสียและบังโคลนยกสูง มียางรถที่เป็นเอกลักษณ์ รถวิบากมีสูบเดียว โครงรถแข็งแรง แต่ตัวรถมักจะหุ้มด้วยพลาสติกเพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้ง่ายเมื่อมีการล้ม
ตัวอย่าง: Honda CRF250R , Yamaha YZ450F , Suzuki RM-Z450
6. ดูอัลสปอร์ตไบค์ (Dual Sport Motorcycles)
ดูอัลสปอร์ตไบค์ คือเดิร์ทไบค์ที่ถูกกฎหมายสำหรับการขับขี่บนท้องถนนและทางสาธารณะ แม้จะใช้เครื่องยนต์ขนาดเท่ากับเดิร์ทไบค์ แต่ก็มักจะมีความแรงต่ำกว่า เนื่องจากข้อบังคับในการปล่อยมลพิษ และโดยปกติแล้ว รถประเภทนี้จะมียางสำหรับการใช้งานทั้ง on-road และ off-road
ตัวอย่าง: Honda CRF250L , Suzuki DR-Z400 , Yamaha WR450F , KTM 500 EXC-F
7. ซูเปอร์โมโต (Supermotos)
ซูเปอร์โมโต(หรือโมตาร์ด) คือรถวิบากที่ใช้ระบบเบรค ระบบกันสะเทือน ล้อและยาง on-road มันคือการประยุกต์ที่สุดยอด เพราะการเป็นรถสูบเดียวแรงบิดสูง ทำให้มันสามารถพลิกรถได้อย่างรวดเร็ว และเข้ากันได้ดีกับถนน on-road แต่ไม่ค่อยมีผู้ผลิตสนใจจะสร้างโมเดลใหม่ ๆ เท่าไรนัก
ตัวอย่าง: Suzuki DR-Z400SM , Husqvarna 701 Supermoto , Ducati Hypermotard 950
8. ครุยเซอร์ (Cruiser Motorcycles)
ครุยเซอร์เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก มีตำแหน่งที่นั่งที่ผอนคลาย โดยเท้าทั้งสองข้างจะวางเยื้องไปข้างหน้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นรถแบบ 2 สูบที่่มีรอบต่ำ มันให้ฟีลลิ่งของการขับขี่อย่างผ่อนคลายและเป็นอิสระเหมือนการนั่งโซฟา แต่การที่น้ำหนักผู้ขับขี่ลงที่การนั่งค่อนข้างมาก ทำให้บางคนไม่ชอบอาการเมื่อยที่ก้นกบเมื่อขับขี่นาน ๆ
ตัวอย่าง : Harley-Davidson เกือบทุกรุ่น
9. เพาเวอร์ครุยเซอร์ (Power Cruiser Motorcycles)
เพาเวอร์ครุยเซอร์มีความก้ำกึ่งระหว่างครุยเซอร์และสปอร์ตไบค์ ด้วยแรงบิดสูงเสียจนไม่แน่ใจว่า คนทั่วไปจะควบคุมมันได้หรือไม่ แต่ถ้าใครชอบรถประเภทสุดยอด ก็ต้องไม่พลาดที่จะควบขี่มัน
ตัวอย่าง: Ducati Diavel 1260 , Yamaha VMAX , Harley-Davidson FXDR 114
10. มอเตอร์ไซค์มาตรฐาน (Standard Motorcycles)
มอเตอร์ไซค์มาตรฐานในรูปแบบปัจจุบัน มีเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังที่นุ่มนวล ระบบเบรก ระบบกันสะเทือนตามมาตรฐาน ซึ่งไม่ใช่แค่สำหรับนักขับหน้าใหม่ แต่สำหรับนักขับที่มีประสบการณ์ก็ชื่นชอบด้วย ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นเครื่อง 2 สูบขนาดกลาง
ตัวอย่าง: Suzuki SV650 , Kawasaki Ninja 650
11. คาเฟ่เรซเซอร์ (Cafe Racer)
คาเฟ่เรซเซอร์ มีพื้นฐานเช่นเดียวกับมอเตอร์ไซค์มาตรฐาน แต่นำมาทำให้ย้อนยุค เพราะความคลาสิกนั้นไร้กาลเวลาและดูใหม่อยู่เสมอ ขณะที่ Triumph รักษามันไว้ตลอด แต่ Ducati Yamaha และ Honda ก็พยายามจะนำโมเดลเก่า ๆ กลับมาเล่นในตลาดด้วย
ตัวอย่าง: Triumph Street Cup , Ducati Scrambler Cafe
12. สแครมเบลอ(Scrambler Motorcycles)
สแครมเบลอคือรถแนวย้อนยุคอีกแบบหนึ่ง ที่ใช้พื้นฐานจากรถมาตรฐาน แต่มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ยางแบบวิบาก บังโคลนยกสูง ท่อไอเสียยกสูง ฯลฯ ซึ่งให้อารมณ์ของการผจญภัย แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้ในเมืองก็ตาม
ตัวอย่าง: Triumph Scrambler 1200 XE , Ducati Scrambler
13. สกู๊ตเตอร์ (Scooters)
แม้โลกตะวันตกจะละเลยสกู๊ตเตอร์ไปเกือบหมดแล้ว แต่มันก็มีประโยชน์และใช้งานได้จริงมากที่สุดในบรรดารถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภท มันมีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก
ล้อขนาดเล็ก เกียร์อัตโนมัติ และโดยทั่วไป โครงรถจะเป็นเฟรมแบบขึ้นรูป ทำให้มีที่ว่างในการวางขา มันให้การขับขี่ที่สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ตราบเท่าที่คุณใช้ความเร็วไม่มากเกินไป คนจำนวนมากมีมันไว้ในครอบครองและใช้งานได้ทั้งครอบครัว
ตัวอย่าง : Vespa
ลิ้งค์บทความ
https://www.cycleworld.com/lets-talk-about-different-types-motorcycles/